(C) (R) (TM) ต่างกันอย่างไร
หน้า 1 จาก 1
(C) (R) (TM) ต่างกันอย่างไร
TM และ (R) ใช้กับชื่อเฉพาะ เช่น Intel หรือ Microsoft Excel
ส่วน (C) ลิขสิทธิ์หมายถึงความคุ้มครองในงานประเภทวรรณกรรม และ software
Microsoft Excel ที่เป็น software จะได้รับความคุ้มครองจากลิขสิทธิ์
ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรก็ตาม ก็ยังได้รับความคุ้มครองทางลิขสิทธิ์
เนื่องจากตัว software ยังคงเหมือนเดิม
ส่วน Microsoft เป็น
Registered Trademark หมายความว่า คุณไม่สามารถสร้างสินค้าชื่อ Microsoft
ได้ เพราะสามารถเกิดการฟ้องร้องกันได้
(เนื่องจากมีการจดทะเบียนไว้แล้วทุกประเทศทั่วโลก)
และ Excel
เป็น Trademark เฉยๆ เราจะสร้างสินค้าใหม่ชื่อ Excel ก็ไม่ผิด
แต่ถ้าไปสร้าง spreadsheet ชื่อ Excel ก็มีเหตุพอให้ microsoft
ฟ้องว่าตั้งใจทำให้ผู้บริโภค เข้าใจผิด
Patent คือสิทธิบัตร ซึ่งความคุ้มครองจะแตกต่างกับลิขสิทธิ์
ลิขสิทธิ์ (C) นั้น ไม่ต้องจดทะเบียนใดๆ
เราจะเขียนงานอะไรขึ้นมาหนึ่งอย่าง จะเขียนโปรแกรม หรือถ่ายรูป งานนั้น
จะได้รับ copyright โดยอัตโนมัติ
งาน copyright
จะได้รับความคุ้มครองเฉพาะตัวมันเอง เช่น โปรแกรม Excel ถ้าเราไป copy
โดยไม่ได้รับอนุญาตก็ผิดกฎหมาย ถ้าเราเขียนเอง มี function เหมือนกัน
จะไม่ผิด (แต่ถ้าเราไปใช้ชื่อ Excel ก็จะไปละเมิดเรื่อง Trademark แทน)
การจะพิสูจน์อย่างไรว่า ใครเป็นเจ้าของ copyright ถ้ามีคดีความเกิดขึ้น ก็จะเป็นเรื่องในชั้นศาล
แต่ Patent หรือ สิทธิบัตรนั้น ต้องมีการจด จึงจะได้รับความคุ้มครอง
ใช้กับ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์ หรือ แม้กระทั่ง software
การจดสิทธิบัตรจะต้องให้รายละเอียด การได้มาซึ่งสิ่งประดิษฐ์นั้นๆ
ซึ่งเมื่อจด และได้รับการรับรองแล้ว (ไม่มีใครแย้งว่า เคยทำมาก่อน หรือ
เป็น "ความรู้ทั่วไป") จะได้รับการคุ้มครอง แม้จะคิดออกมาได้เองเหมือนกัน
แต่ก็ต้องยอมให้คนจดก่อน คนจดหลังไม่สามารถขายสิ่งประดิษฐ์ ของตัวเองได้เลย นอกจากจะได้รับความยินยอม จากเจ้าของสิทธิบัตร
อายุของสิทธิบัตรของสิ่งประดิษฐ์แต่ละประเภทจะแตกต่างกันไป เช่น สิทธิบัตรของยาหลายประเภท มีอายุเพียง 3 ปี
เมื่อสิทธิบัตรหมดอายุ ใครๆ ก็ผลิตได้ ไปเปิดรายละเอียดที่จดไว้
ในสิทธิบัตรแล้ว ผลิตเองได้เลย เหมือนกับ LCD ที่เพิ่งจะ ทะยอย
หมดอายุไปทั่วโลกในสองปีที่ผ่านมา
อีกคำที่เป็นการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเหมือนกันคือ Trade Secret
ส่วนเนื้อหาตามกฏหมายเป็นดังนี้
สิทธิ บัตร หมายความว่า หนังสือสำคัญ ที่ออกให้
เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ตามที่กำหนดในหมวด 2
และหมวด 3 แห่งพระราชบัญญัตินี้
“การประดิษฐ์” หมายความว่า การคิดค้นหรือคิดทำขึ้น
อันเป็นผลให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์หรือกรรมวิธีใดขึ้นใหม่ หรือการกระทำใด ๆ
ที่ทำให้ดีขึ้นซึ่งผลิตภัณฑ์หรือกรรมวิธี
เครดิต http://www.phuketvariety.com/knowledge/c-r-tm/index.htm
ส่วน (C) ลิขสิทธิ์หมายถึงความคุ้มครองในงานประเภทวรรณกรรม และ software
Microsoft Excel ที่เป็น software จะได้รับความคุ้มครองจากลิขสิทธิ์
ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรก็ตาม ก็ยังได้รับความคุ้มครองทางลิขสิทธิ์
เนื่องจากตัว software ยังคงเหมือนเดิม
ส่วน Microsoft เป็น
Registered Trademark หมายความว่า คุณไม่สามารถสร้างสินค้าชื่อ Microsoft
ได้ เพราะสามารถเกิดการฟ้องร้องกันได้
(เนื่องจากมีการจดทะเบียนไว้แล้วทุกประเทศทั่วโลก)
และ Excel
เป็น Trademark เฉยๆ เราจะสร้างสินค้าใหม่ชื่อ Excel ก็ไม่ผิด
แต่ถ้าไปสร้าง spreadsheet ชื่อ Excel ก็มีเหตุพอให้ microsoft
ฟ้องว่าตั้งใจทำให้ผู้บริโภค เข้าใจผิด
Patent คือสิทธิบัตร ซึ่งความคุ้มครองจะแตกต่างกับลิขสิทธิ์
ลิขสิทธิ์ (C) นั้น ไม่ต้องจดทะเบียนใดๆ
เราจะเขียนงานอะไรขึ้นมาหนึ่งอย่าง จะเขียนโปรแกรม หรือถ่ายรูป งานนั้น
จะได้รับ copyright โดยอัตโนมัติ
งาน copyright
จะได้รับความคุ้มครองเฉพาะตัวมันเอง เช่น โปรแกรม Excel ถ้าเราไป copy
โดยไม่ได้รับอนุญาตก็ผิดกฎหมาย ถ้าเราเขียนเอง มี function เหมือนกัน
จะไม่ผิด (แต่ถ้าเราไปใช้ชื่อ Excel ก็จะไปละเมิดเรื่อง Trademark แทน)
การจะพิสูจน์อย่างไรว่า ใครเป็นเจ้าของ copyright ถ้ามีคดีความเกิดขึ้น ก็จะเป็นเรื่องในชั้นศาล
แต่ Patent หรือ สิทธิบัตรนั้น ต้องมีการจด จึงจะได้รับความคุ้มครอง
ใช้กับ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์ หรือ แม้กระทั่ง software
การจดสิทธิบัตรจะต้องให้รายละเอียด การได้มาซึ่งสิ่งประดิษฐ์นั้นๆ
ซึ่งเมื่อจด และได้รับการรับรองแล้ว (ไม่มีใครแย้งว่า เคยทำมาก่อน หรือ
เป็น "ความรู้ทั่วไป") จะได้รับการคุ้มครอง แม้จะคิดออกมาได้เองเหมือนกัน
แต่ก็ต้องยอมให้คนจดก่อน คนจดหลังไม่สามารถขายสิ่งประดิษฐ์ ของตัวเองได้เลย นอกจากจะได้รับความยินยอม จากเจ้าของสิทธิบัตร
อายุของสิทธิบัตรของสิ่งประดิษฐ์แต่ละประเภทจะแตกต่างกันไป เช่น สิทธิบัตรของยาหลายประเภท มีอายุเพียง 3 ปี
เมื่อสิทธิบัตรหมดอายุ ใครๆ ก็ผลิตได้ ไปเปิดรายละเอียดที่จดไว้
ในสิทธิบัตรแล้ว ผลิตเองได้เลย เหมือนกับ LCD ที่เพิ่งจะ ทะยอย
หมดอายุไปทั่วโลกในสองปีที่ผ่านมา
อีกคำที่เป็นการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเหมือนกันคือ Trade Secret
ส่วนเนื้อหาตามกฏหมายเป็นดังนี้
- (TM) คือ เครื่องหมายการค้า (ซึ่งจะจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนก็ได้)
“เครื่องหมายการค้า” หมายความว่า
เครื่องหมายที่ใช้หรือจะใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับสินค้า
เพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นแตก
ต่างกับสินค้า ที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น - (R) หมายถึง เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน
ซึ่งจะได้รับความคุ้มครอง ดังนี้
มาตรา 44 ภายใต้บังคับมาตรา 27 และมาตรา 18
เมื่อได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแล้ว
ผู้ซึ่งได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า
เป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียว ในอันที่จะใช้ เครื่องหมายการค้านั้น
สำหรับ สินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ ความแตกต่าง ระหว่างเครื่องหมาย
ที่จดทะเบียนกับไม่จด ประการหนึ่งก็คือ
มาตรา 46
บุคคลใดจะฟ้องคดี
เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียน
หรือเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดสิทธิดังกล่าว ไม่ได้
บทบัญญัติมาตรานี้ไม่กระทบกระเทือนสิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้า
ที่ไม่ได้จดทะเบียน ในอันที่จะฟ้องคดีบุคคลอื่น ซึ่งเอาสินค้าของตน
ไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น
ส่วนการจดที่เดียวใช้ได้ทั่วโลก ไทยยังไม่เข้าเป็นภาคีอนุสัญญา madrid
เพราะฉะนั้น หากคุณเป็น เจ้าของเครื่องหมาย ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ
หากต้องการความคุ้มครองตามกฎหมายไทย ก็ต้องมาจดทะเบียนใหม่ค่ัะ
ส่วนเครื่องหมายไหน จะจดได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องนึง ค่อนข้างยากเพรา subjective หากมีทุนทรัพย์ ก็ลองใช้บริการสำนักงานทนายความ - งานที่จะได้รับความคุ้มครองเป็นลิขสิทธิ์นั้น ได้แก่
มาตรา 6
งานอันมีลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัตินี้
ได้แก่งานสร้างสรรค์ประเภทวรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม
โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ หรืองานอื่นใด
ในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
ของผู้สร้างสรรค์ไม่ว่างานดังกล่าว จะแสดงออก โดยวิธีหรือรูปแบบอย่างใด
การคุ้มครองลิขสิทธิ์ไม่คลุมถึงความคิด หรือ ขั้นตอน กรรมวิธีหรือระบบ
หรือ วิธีใช้หรือทำงาน หรือ แนวความคิด หลักการ การค้นพบ
หรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์
สิทธิ บัตร หมายความว่า หนังสือสำคัญ ที่ออกให้
เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ตามที่กำหนดในหมวด 2
และหมวด 3 แห่งพระราชบัญญัตินี้
“การประดิษฐ์” หมายความว่า การคิดค้นหรือคิดทำขึ้น
อันเป็นผลให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์หรือกรรมวิธีใดขึ้นใหม่ หรือการกระทำใด ๆ
ที่ทำให้ดีขึ้นซึ่งผลิตภัณฑ์หรือกรรมวิธี
เครดิต http://www.phuketvariety.com/knowledge/c-r-tm/index.htm
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ